หุ่นยนต์กับอนาคต "งาน" และ "ค่าแรง" ผลกระทบจาก 4.0 ที่ยังไม่มีการพูดถึงในไทย

  • 11 May 2020
  • 2686
หางาน,สมัครงาน,งาน,หุ่นยนต์กับอนาคต

ในเมืองไทยประเด็นว่าด้วยอุตสาหกรรม 4.0 ถูกพูดและพาดพิงถึงอย่างคึกคักนับตั้งแต่รัฐบาลเลือกหยิบมาใช้เป็นแนวทางการ พัฒนา แต่ในต่างประเทศโดยเฉพาะในโลกตะวันตก อุตสาหกรรม 4.0 ถูกพูดถึงมานานแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็นับตั้งแต่ปี 2013 เรื่อยมา

 

ดังนั้น ตอนที่เรากำลังเห่อ 4.0 ทางตะวันตกก็เริ่มตกอกตกใจกับ "ผลกระทบข้างเคียง" ที่อุตสาหกรรม 4.0 นำมาสู่สังคมของพวกเขา


ในปี 2013 อุตสาหกรรม 4.0 ยังไม่ถูกเรียกขานอย่างนี้ แต่ถูกเรียกง่าย ๆ ว่า "ระบบการผลิตอัตโนมัติ" โดยอาศัยหุ่นยนต์ในการผลิต ในปีนั้น "ออกซ์ฟอร์ด มาร์ติน สกูล" จัดทำรายงานฉบับหนึ่งออกมาเผยแพร่ เตือนให้ตระหนักกันเป็นครั้งแรกว่าให้ระวังแนวโน้มของการนำเอาหุ่นยนต์และ เทคโนโลยีอื่น ๆ มาใช้ในการผลิตแทนมนุษย์


รายงานดังกล่าวสำรวจ ตำแหน่งงานใน 702 หมวด สรุปเอาไว้ว่า 47% "อาจ" ถูกแทนที่ด้วยระบบการผลิตอัตโนมัติภายใน 20 ปีข้างหน้า รายงานดังกล่าวก่อให้เกิดข้อถกเถียงกันไม่น้อย ส่วนใหญ่เชื่อว่าโดยธรรมชาติแล้วความมั่งคั่งที่ระบบการผลิตอัตโนมัตินำมา นั้นในที่สุดก็จะถูกนำไป "สร้างงาน" ทำให้เกิดตำแหน่งงานใหม่ ๆ ขึ้นทดแทนจนแทบไม่ต้องกังวลกัน


ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สำนักงานวิจัยเศรษฐศาสตร์แห่งชาติ (เอ็นบีอีอาร์) ของสหรัฐอเมริกา เผยแพร่รายงานผลการวิจัยเรื่องตำแหน่งงานกับระบบการผลิตอัตโนมัติ เขียนโดย "ดารอน อาเซโมกลู" นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ (เอ็มไอที) ร่วมกับปาสคาล เรสเตรโป นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบอสตัน


รายงานของเอ็นบีอีอาร์ ไม่เพียงสนับสนุนข้อสรุปของออกซ์ฟอร์ด มาร์ติน สกูล เท่านั้น แต่ยังเตือนด้วยว่าการสูญเสียตำแหน่งงานให้กับระบบอัตโนมัติเกิดขึ้นแล้วใน สหรัฐอเมริกา และเมื่อเสียไปแล้วก็ไม่มีสิ่งใดมาทดแทน หรือพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า ระบบการผลิตอัตโนมัติกำลังก่อให้เกิดภาวะว่างงาน "ถาวร" ขึ้นมา


ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจวิจัยของเอ็นบีอีอาร์ระบุว่า ในสหรัฐอเมริการะหว่างปี 1990-2007 การนำเอาหุ่นยนต์ 1 ตัวมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต จะส่งผลให้เกิดการสูญเสียตำแหน่งงานสำหรับมนุษย์ โดยเฉลี่ยแล้ว 6.2 ตำแหน่ง


ไม่เพียงเท่านั้น การนำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในระบบการผลิตยังส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อค่าแรงให้ลด ต่ำลง โดยเฉลี่ยแล้ว 0.25-0.5% ในรายงานฉบับใหม่นี้ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ผลกระทบจากระบบการผลิตอัตโนมัตินั้น ส่งผลรุนแรงมากและยาวนานมาก


"ถึงแม้ในเวลาต่อมาภาวะการจ้างงานและภาวะค่าแรงโดยรวมจะกระเตื้องขึ้น แต่ในเวลาเดียวกันนั้นกระบวนการนี้ก็จะทำให้มีผู้สูญเสียจากผลกระทบอยู่เสมอ และจำเป็นต้องใช้เวลานานมากสำหรับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจะฟื้นตัวจาก กระบวนการดังกล่าวนี้"


เหตุผลก็คือระบบเศรษฐกิจการตลาด จะไม่ช่วยสร้างตำแหน่งงานใหม่ขึ้นมาทดแทนด้วยตัวของมันเอง แรงงานที่ตกงานไปก็จำเป็นต้องแบกรับผลกระทบต่อไปด้วยตัวเอง


ที่ผ่านมามีนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์หลายคนมากออกมาแสดงความเห็นแย้งข้อสรุปทำนอง นี้ ตัวอย่างเช่น เดวิด ออเทอร์ นักเศรษฐศาสตร์ของเอ็มไอที ที่เชื่อว่าความน่ากลัวของระบบการผลิตอัตโนมัติถูกกระพือให้ใหญ่โตเกินจริง โดยไม่สนใจวัฏจักรที่สนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างการเพิ่มผลิตภาพที่นำไป สู่การเพิ่มรายได้ ซึ่งจะนำไปสู่ความต้องการแรงงานเพิ่ม


หรือกรณีของ รอส กิตทินส์ นักเศรษฐศาสตร์ออสเตรเลียที่ยืนกรานว่า เทคโนโลยีไม่ได้ "ทำลาย" ตำแหน่งงาน เพียงผลักตำแหน่งงานนั้นไปยังอีกส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจต่างหาก


แต่รายงานของอาเซโมกลูกับเรสเตรโป ซึ่งสรุปจากผลสำรวจสภาพที่เป็นจริงในสหรัฐอเมริกา กลับพบว่าในช่วงที่สำรวจ "มีหลักฐานบ่งชี้น้อยมาก" ว่ามีการสร้างตำแหน่งงานใหม่ขึ้นมาทดแทนตำแหน่งเดิม ในเวลาเดียวกันก็ "บ่งชี้ด้วยว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้นจำกัดมากในอุตสาหกรรมอื่น หรืออาชีวะอื่น ๆ"


ข้อที่ชวนคิดอีกประการก็คือ อาเซโมกลูกับเรสเตรโปเองยอมรับเอาไว้ว่า ก่อนที่จะศึกษาวิจัยทั้งสองคนเองก็เป็นคนที่ไม่เชื่อว่า ระบบการผลิตอัตโนมัติจะส่งผลเสียต่อแรงงานมนุษย์ เมื่อข้อมูลที่เก็บจากสภาพที่เป็นจริงแสดงออกมาเช่นนั้น ทั้งสองอดตกใจและประหลาดใจไม่ได้


สิ่งที่นักวิชาการทั้งสองตรวจสอบพบ ยังสะท้อนความเป็นจริงอีกประการด้วยว่า ระบบเศรษฐกิจและพึ่งพาอาศัยกลไกตลาดเพียงอย่างเดียวในอนาคตนั้น กำลังจะส่งผลเสียต่อสังคม รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจจำเป็นต้องตระหนักใน เรื่องนี้ แล้วเข้าไปจัดการสร้างกลไกเพื่อการสร้างงานทดแทนขึ้นให้ได้มากพอที่จะรองรับ ภาวะว่างงานของคนในอนาคตได้

นี่คือผลกระทบในทางลบของอุตสาหกรรม 4.0 ที่ยังไม่มีการพูดถึงกันในเมืองไทย

 

 

ขอบคุณภาพและข้อมูล    www.prachachat.net

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top